เอฟเฟกต์มหัศจรรย์ของตัวบ่งชี้ Bollinger Bands
Bollinger Line (BOLL) เป็นเครื่องมือทางเทคนิคที่คำนวณจาก "ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน" ของราคาหุ้นเพื่อกำหนด "ช่วงความเชื่อมั่น" ของราคา。 Bollinger Line ประกอบด้วยเส้นสามเส้น: เส้นบน (Upper Band) และเส้นล่าง (Lower Band) ซึ่งทำหน้าที่เป็นแนวต้านและแนวรับ และเส้นกลาง (Middle Band) ที่แสดงค่าเฉลี่ยของราคา โดยปกติแล้วพารามิเตอร์ควรตั้งค่าเป็น 20。
ราคาหุ้นมักจะเคลื่อนที่ในช่องระหว่างเส้นบนและเส้นล่างของ Bollinger Band และเครื่องมือนี้สามารถช่วยในการพยากรณ์แนวโน้มราคา โดยเฉพาะในช่วงที่ราคามีความผันผวนหรือตลาดอยู่ในสภาวะพักตัว。
บทบาทของ Bollinger Line ในการคาดการณ์แนวโน้ม
Bollinger Line มีความสามารถพิเศษในการช่วยพยากรณ์ช่วงเวลาที่ตลาดจะหลุดพ้นจากสภาวะพักตัว ซึ่งแตกต่างจากเครื่องมืออื่น เช่น KDJ หรือ MACD ที่อาจทำให้เกิด "สัญญาณหลอก" ในช่วงที่ตลาดมีการเคลื่อนไหวข้าง (Sideways)。 การใช้ Bollinger Line สามารถช่วยให้ผู้ลงทุนหลีกเลี่ยงการซื้อหุ้นเร็วเกินไปในช่วงที่ตลาดยังพักตัว ซึ่งจะช่วยลดความเสี่ยงและเพิ่มประสิทธิภาพการใช้เงินทุน。
การเลือกหุ้นโดยใช้ Bollinger Line
การเลือกหุ้นที่มี Bollinger Band ช่องแคบอาจเป็นสัญญาณว่าหุ้นนั้นกำลังจะเกิดการเคลื่อนไหวที่สำคัญ。 ผู้ลงทุนควรสังเกตการเปิดของ Bollinger Band ที่เล็กลงเรื่อย ๆ ซึ่งแสดงถึงความสมดุลของแรงซื้อและแรงขาย และมักนำไปสู่การเบรกในทิศทางใดทิศทางหนึ่ง。
ปัจจัยที่ส่งเสริมโอกาสการเบรกขึ้นของหุ้น
- ปัจจัยพื้นฐานของบริษัทที่ดี จะดึงดูดแรงซื้อจากนักลงทุน。
- ราคาหุ้นควรอยู่เหนือค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ เช่น 250, 120, 60, 30, และ 10 วัน。
- เลือกหุ้นที่มีราคาปัจจุบันอยู่ในระดับต่ำเมื่อเทียบกับอดีต。
- ตัวชี้วัด W%R (10) และ W%R (30) มีค่ามากกว่า 50; +DI มากกว่า -DI และ ADX กับ ADXR เคลื่อนที่ขึ้น。
สัญญาณซื้อที่ดีที่สุดเกิดขึ้นเมื่อราคาหุ้นทะลุ Bollinger Line และปริมาณการซื้อขายเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญหลังจาก Bollinger Band เปิดกว้างขึ้น。
สัญญาณขายจาก Bollinger Line
แม้ Bollinger Line จะไม่มีสัญญาณขายที่ชัดเจน แต่สามารถใช้ราคาหุ้นที่หลุดลงจากเส้นกลาง (Middle Band) เป็นสัญญาณในการขายได้。