การเทรดนั้นมันง่ายมาก

การเทรดนั้นจริงๆ แล้วมันง่ายมาก: ลงทุนที่จุดที่สมควร เป็นการหยุดขาดทุนเมื่อทำผิดและถือหุ้นไว้เมื่อทำถูก ทำกำไรเมื่อถึงจุดที่ต้องออกจากตลาด ปัจจุบันผมไม่รู้จะนึกถึงสิ่งอื่นใดอีกแล้ว แต่ผู้คนจำนวนมากกลับมุ่งเน้นที่เรื่องถูกหรือผิดและทำเงินได้มากแค่ไหน ทำให้ปัญหาที่ควรจะง่ายซับซ้อนขึ้น ทุกสิ่งมีสองด้าน เกินควรก็ไม่ดี สำหรับตลาดการเก็งกำไร คำถามที่ว่าจะมีเงินได้ไหมนั้นไม่ควรเป็นคำถาม แต่ถ้าเป็นคำถามว่าจะทำเงินได้เท่าไหร่ กลับกลายเป็นเรื่องซับซ้อน

ความเสี่ยงของการเทรดแบบใช้เลเวอเรจ

การเทรดแบบใช้เลเวอเรจเป็นดาบสองคม ถ้าคุณไม่มีความสามารถที่เพียงพอ ความเสี่ยงสูงที่จะได้รับความเสียหาย การเทรดในตลาดเลเวอเรจสามารถสร้างตำนานได้ แต่ว่าตำนานก็คือตำนาน ไม่ใช่เรื่องปกติ ที่พูดถึงกันในตลาด ผู้ค้าหลายคนให้ความรู้สึกว่าใครๆ ก็สามารถสร้างตำนานได้ แต่ความจริงแล้ว ตำนานนั้นมีสองด้านที่เต็มไปด้วยกับอันตราย และความเสี่ยงส่วนใหญ่จะถูกซ่อนอยู่ในนั้น

การทำความเข้าใจกับแนวโน้มของตลาด

ความสำคัญในการเทรดคือการมองเห็นแนวโน้ม ตลาดคือการปรากฏรูปแบบของการเคลื่อนไหว ต้องถือว่าแนวโน้มคือการตอบสนองของแรงซื้อและขาย ถึงแม้ว่าแนวโน้มจะมีอยู่แค่สามชนิด แต่แบบฟอร์มที่แสดงออกมานั้นไม่มีวันสิ้นสุด ผู้คนจำนวนมากตีความแนวโน้มจากรูปแบบจนหลงทาง วิธีในการจับแนวโน้มง่ายมาก ขึ้นอยู่กับทัศนคติว่าคุณสามารถปล่อยวางได้มากน้อยเพียงใด หากคุณสามารถปล่อยวางทัศนคติที่ไม่มีความหมายออกไปได้ การเคลื่อนไหวของตลาดก็จะมีชีวิตชีวาและง่ายต่อการเข้าใจ

การมองตลาดจากมุมมองที่ถูกต้อง

เมื่อคุณปล่อยวางการเคลื่อนไหวโดยไม่จำเป็น คุณจะได้มาในรูปแบบของการเคลื่อนไหวใหญ่ ถ้าคุณปล่อยวางรูปแบบใหญ่ คุณก็จะจับแนวโน้มได้ แต่ว่าในแรงกระตุ้นจากเงินทองเราอาจจะหลงทาง ภายใต้ผลกระทบจากเลเวอเรจ เราสูญเสียตัวตนแท้จริงไปได้มาก การเทรดกับชีวิตก็เหมือนกัน ในสาระสำคัญทั้งสองนั้นง่ายมาก แต่การพัฒนาของมนุษย์ในหลายล้านปีมีพันธุกรรมดั้งเดิมที่ฝังอยู่ในกระดูก ลำบากที่จะเปลี่ยนแปลง

ผลกระทบจากสังคมและการลงทุน

ผลกระทบจากพันธุกรรมนี้กลับกลายเป็นปัจจัยสำคัญต่อความสำเร็จในการทำการเทรด สำหรับนักลงทุนรายบุคคลนั้นชัดเจนมาก นอกจากนั้นยังมีกระบวนการทางสังคม: ในการเทรดเวลาส่วนใหญ่คือความว่างเปล่า ซึ่งขัดแย้งกับมโนธรรมและค่านิยมของสังคม (การพูดแบบนี้ไม่ได้หมายความว่างานนี้ง่าย เวลาในความว่างเปล่านั้นต้องใช้เวลาในการเข้าใจ เป็นกระบวนการที่เจ็บปวด)

การพัฒนาตัวเอง

การพัฒนาทักษะภายในของเรานั้น บางหนังสือทางด้านศาสนาเป็นสิ่งที่ดี (ที่นี่อาจจะใช้คำที่ไม่ถูกต้อง แต่ไม่สามารถหาคำที่ดีกว่าเพื่ออธิบายได้ เช่น การปฏิบัติธรรมกับศาสนาพุทธเป็นแนวคิดที่แตกต่างกัน) ประเทศจีนเป็นชาติที่มีวัฒนธรรมลึกซึ้ง โดยที่ชาวจีนมีข้อได้เปรียบในตลาดการเงิน แต่จากการพัฒนาหลังการปลดปล่อย ชาวจีนกลับกลายเป็นกลุ่มที่ไม่เหมาะสมในการทำการเทรด ในสภาพแวดล้อมทางเศรษฐกิจ บุคคลทุกคนกลายเป็นเครื่องมือในการสร้างคุณค่า ไม่มีใครมีเวลาหรือสภาพแวดล้อมในการคิดเกี่ยวกับปัญหานอกเหนือจากการสร้างคุณค่า ความหลากหลายทางสังคมแทบไม่มีที่ให้พูดถึง จีนไม่มีชนชั้นสูงอีกต่อไป ซึ่งนั่นเป็นความเศร้าในสังคมจีนทั้งหมด