การใช้ตราสารหนี้เป็นสัญญาณนำในการซื้อขายเงินตราต่างประเทศ

นักเทรดรู้ว่าดอกเบี้ยเป็นส่วนประกอบที่ขาดไม่ได้ในการตัดสินใจลงทุน ซึ่งสามารถขับเคลื่อนตลาดไปในทิศทางใดก็ได้ การตัดสินใจอัตราดอกเบี้ยของคณะกรรมการตลาดเปิดของธนาคารกลางสหรัฐ (FOMC) อยู่ในอันดับที่สองในรายการข้อมูลที่สร้างความผันผวนในตลาดเงินตราต่างประเทศ รองจากข้อมูลการว่างงาน อัตราดอกเบี้ยที่ปรับเปลี่ยนไม่เพียงแต่มีผลกระทบในระยะสั้น แต่ยังมีผลกระทบในระยะยาวต่อการซื้อขายเงินตราต่างประเทศ ในตลาดเงินตราต่างประเทศที่เชื่อมโยงกัน การตัดสินใจอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสามารถมีผลกระทบต่อคู่สกุลเงินได้มากกว่าหนึ่งคู่

ระเบียบวิธีการวิเคราะห์

เครื่องมือที่ให้ผลตอบแทนคงที่ เช่น อัตราดอกเบี้ยเงินกู้ระหว่างธนาคารลอนดอน (LIBOR) และความแตกต่างของผลตอบแทนของพันธบัตรระยะสิบปี สามารถใช้เป็นสัญญาณนำที่บ่งชี้ถึงความผันผวนของเงินตรา ในการซื้อขายเงินตราต่างประเทศ ความแตกต่างของอัตราดอกเบี้ยหมายถึง อัตราดอกเบี้ยของเงินสกุลหลัก (สกุลเงินแรกในคู่เงิน) หักออกด้วยอัตราดอกเบี้ยของเงินสกุลที่เสนอราคา (สกุลเงินที่สองในคู่เงิน) หรือพูดอีกนัยหนึ่ง ในเวลา 17:00 น. ตามเวลาในฝั่งตะวันออกของสหรัฐอเมริกา ตลาดเงินตราต่างประเทศของสหรัฐฯ จะปิดและเงินทุนจะถูกจัดการให้ทำการชำระเงินตามความแตกต่างของอัตราดอกเบี้ย การทำความเข้าใจความแตกต่างของอัตราดอกเบี้ยและความสัมพันธ์ระหว่างคู่เงินสามารถสร้างกำไรที่มากมายได้

ตัวบ่งชี้ที่สำคัญ

นอกจากคำตัดสินของธนาคารกลางเกี่ยวกับอัตราดอกเบี้ยข้ามคืนแล้ว ความคาดหวังต่ออัตราดอกเบี้ยข้ามคืนในอนาคตและความคาดหวังในเวลาอันใกล้ในการปรับอัตราดอกเบี้ยก็มีความสำคัญต่อความผันผวนของคู่เงินอย่างมาก เหตุผลคือ นักลงทุนระหว่างประเทศส่วนใหญ่ล้วนแล้วแต่เป็นผู้แสวงหาผลกำไร ธนาคารลงทุนใหญ่ กองทุนป้องกันความเสี่ยง และนักลงทุนที่เป็นสถาบันมีความสามารถในการเข้าถึงตลาดทั่วโลก

ลองเปรียบเทียบค่าต่างๆ

เมื่อทำการตัดสินใจลงทุน ส่วนใหญ่แล้วนักลงทุนจะพิจารณาความแตกต่างของอัตราดอกเบี้ยในปัจจุบันและอนาคต ดังนั้น ในทางทฤษฎี ควรมีความสัมพันธ์ที่ชัดเจนระหว่างความแตกต่างของผลตอบแทนและอัตราแลกเปลี่ยน แต่ที่จริงแล้ว อัตราแลกเปลี่ยนคือสิ่งที่คาดการณ์อัตราดอกเบี้ย หรืออัตราดอกเบี้ยที่มีผลต่ออัตราแลกเปลี่ยนกันแน่? ตัวบ่งชี้นำคือดัชนีทางเศรษฐกิจที่คาดการณ์อนาคต; ตัวบ่งชี้ร่วมจะเปลี่ยนไปตามเหตุการณ์ทางเศรษฐกิจ; และตัวบ่งชี้ตามหลังจะติดตามเหตุการณ์ทางเศรษฐกิจ

วิธีการเพื่อการค้าที่ยั่งยืน

ในขณะใดก็ตาม หากความแตกต่างของอัตราดอกเบี้ยสามารถคาดการณ์อัตราแลกเปลี่ยนในอนาคตได้ ก็คือสิ่งที่เรียกว่าตัวบ่งชี้นำสำหรับอัตราแลกเปลี่ยน ความแตกต่างของอัตราดอกเบี้ยจะเป็นตัวบ่งชี้นำ ตัวบ่งชี้ร่วม หรือตัวบ่งชี้ตามหลัง ขึ้นอยู่กับนักเทรดว่าจะให้ความสำคัญกับอัตราดอกเบี้ยในอนาคตมากเกินไปหรือไม่ และไม่สนใจอัตราแลกเปลี่ยนในปัจจุบัน หากตัวเทรดมุ่งมั่นในอัตราดอกเบี้ยที่มีอยู่ในปัจจุบันมากกว่าอนาคต ก็จะเกิดความสัมพันธ์ที่เป็นไปได้เกี่ยวกับกัน

การเก็บข้อมูลเพื่อการวิเคราะห์

ในการซื้อขายความแตกต่างของอัตราดอกเบี้ย วิธีที่ดีที่สุดคือการบันทึกอัตราดอกเบี้ย LIBOR ในลอนดอนเป็นเวลาหนึ่งเดือน หรือผลตอบแทนของพันธบัตรระยะสิบปีในสเปรดชีต EXCEL บางเว็บไซต์ เช่น Bloomberg.com เสนอข้อมูลเหล่านี้ วิธีคำนวณความแตกต่างของอัตราดอกเบี้ยคือการใช้ผลตอบแทนของสกุลเงินแรกในคู่เงินหักลดผลตอบแทนของสกุลเงินที่สอง เลือกใช้ความเชื่อมโยงระหว่างความแตกต่างของอัตราดอกเบี้ยและราคาสกุลเงินเมื่อรวบรวมข้อมูลที่เพียงพอ

การวิเคราะห์แนวโน้มในกราฟ

เมื่อรวบรวมข้อมูลที่เพียงพอ คุณสามารถสร้างกราฟราคาสกุลเงินและผลตอบแทนต่างๆ ได้ เพื่อดูว่ามีความสัมพันธ์หรือแนวโน้มใด ๆ หรือไม่ สามารถอ้างอิงจากกราฟ 1, 2 และ 3 โดยใช้วันที่เป็นแกนนอน (X-axis) และราคาแลกเปลี่ยนและความแตกต่างของอัตราดอกเบี้ย เป็นแกนตั้ง (Y-axis) หากต้องการใช้ข้อมูลนี้ในกลยุทธ์การซื้อขายของคุณให้ได้ผลดี คุณต้องเฝ้าสังเกตแนวโน้มของความแตกต่างของอัตราดอกเบี้ยของคู่เงินที่คุณกำลังซื้อขายอย่างใกล้ชิด