การเคลื่อนไหวแบบห้าลักษณะ

การเคลื่อนไหวในตลาดมีทั้งหมดห้าลักษณะ สามารถเคลื่อนไหวไปในทิศทางขึ้นหรือลงก็ได้ ด้านล่างนี้คือบางตัวอย่าง ลักษณะเคลื่อนไหวครั้งแรกมักจะมีเพียงกลุ่มผู้ค้าที่น้อยเข้ามาเกี่ยวข้อง โดยมีการเปลี่ยนแปลงที่อ่อนแอ เมื่อคลื่นแรก (คลื่น 1) สิ้นสุดลง ผู้ค้าในตลาดจะทำการขายที่คลื่นที่สอง (คลื่น 2) การขายที่คลื่นที่สองนั้นรุนแรงมาก และท้ายที่สุดในคลื่นสอง แม้ว่าจะไม่มียอดต่ำใหม่เกิดขึ้น แต่ตลาดก็เริ่มเปลี่ยนไปทำให้เกิดการเคลื่อนไหวครั้งต่อไป

การเคลื่อนไหวที่สาม

การเคลื่อนไหวครั้งที่สามในช่วงเริ่มต้นจะเกิดขึ้นอย่างช้าๆ และจะพุ่งสูงถึงจุดสูงสุดของการเคลื่อนไหวครั้งก่อน (จุดสูงสุดของคลื่น 1) ขณะนี้จะมีคำสั่งหยุดขาดทุนจำนวนมากอยู่เหนือจุดสูงสุดของคลื่น 1 ผู้ค้าไม่มั่นใจว่านี่คือแนวโน้มขาขึ้นและใช้โอกาสนี้เพื่อเพิ่มตำแหน่งการขาย (shorts) หากการวิเคราะห์ของพวกเขาถูกต้อง ตลาดจะไม่สามารถทำสูงถึงยอดคลื่นก่อนหน้าได้ ดังนั้นจะมีคำสั่งหยุดขาดทุนจำนวนมากที่ปรากฏอยู่เหนือจุดสูงสุดของคลื่น 1

การเคลื่อนไหวที่สามพุ่งสูงขึ้น

การเคลื่อนไหวของคลื่นที่สามได้รับแรงผลักดันและทะลุจุดสูงสุดของคลื่น 1 ในขณะที่จุดสูงสุดของคลื่น 1 ถูกทำลาย คำสั่งหยุดขาดทุนจะถูกกระตุ้น ขึ้นอยู่กับขนาดของคำสั่งหยุดขาดทุนจะทำให้เกิดช่องว่างในคลื่นที่สาม ในระหว่างกระบวนการขึ้นของคลื่นที่สาม ช่องว่างนี้เป็นสัญญาณที่ดี และเมื่อคำสั่งหยุดขาดทุนถูกกระตุ้นแล้ว การเคลื่อนไหวของคลื่นที่สามจะดึงความสนใจของนักลงทุน

การเข้าสู่คลื่นที่สาม

ลำดับถัดไปจะเป็นเช่นนี้: ในช่วงแรก นักลงทุนที่ทำการซื้อในจุดต่ำสามารถรอคอยได้ พวกเขาอาจตัดสินใจเพิ่มตำแหน่งได้ นักลงทุนที่อยู่ในสถานะหยุดขาดทุน (หลังจากช่วงระยะเวลาหนึ่งที่ลังเล) จะตัดสินใจได้ว่าตลาดมีแนวโน้มสูงขึ้นและตัดสินใจซื้อเพื่อเข้าร่วมการเคลื่อนไหวนี้ ความสนใจที่เพิ่มขึ้นนี้จะเพิ่มพลังให้กับการเคลื่อนไหวของคลื่นที่สาม ขณะนี้ นักลงทุนส่วนใหญ่ได้ตัดสินใจว่าการเคลื่อนไหวนี้คือการขึ้น

การเคลื่อนไหวที่สามเริ่มอ่อนตัวลง

สุดท้ายแล้ว ความกระตือรือร้นในการซื้อเริ่มลดลง คลื่นที่สามเข้าสู่ภาวะชะงักงัน การขายทำกำไรเริ่มที่จะคลี่คลาย ในเวลานี้ นักลงทุนที่ซื้อที่จุดต่ำตัดสินใจนำกำไรออกมา พวกเขาได้รับการทำธุรกรรมที่ดีและเริ่มปกป้องกำไรของตน ซึ่งจะนำไปสู่การถอยกลับของราคาและทำให้เกิดคลื่นที่สี่

ความแตกต่างระหว่างคลื่นที่สองและคลื่นที่สี่

คลื่นที่สองคือการขายที่รุนแรง คลื่นที่สี่คือการทำกำไรที่เป็นระเบียบ ในระหว่างที่การทำกำไรดำเนินไป นักลงทุนส่วนใหญ่ยังคงมั่นใจว่าตลาดมีแนวโน้มขึ้น พวกเขาอาจเข้าร่วมการเคลื่อนไหวนี้โดยล่าช้า หรือกำลังลังเล พวกเขามองว่าการทำกำไรนี้เป็นโอกาสที่ดีในการซื้อและการปิดการซื้อขาย

จุดสิ้นสุดของคลื่นที่สี่

เมื่อคลื่นที่สี่สิ้นสุดลง จะมีการเริ่มต้นของคำสั่งซื้อมากขึ้นและราคาเริ่มที่จะเคลื่อนไหวขึ้นอีกครั้ง การเคลื่อนไหวของคลื่นที่ห้าขาดความร้อนแรงและพลังงานที่มีในคลื่นที่สาม เมื่อราคาทำสถิติใหม่สูงขึ้นเหนือคลื่นที่สาม แรงผลักดันภายในคลื่นที่ห้าหน้าตาเล็กเมื่อเทียบกับกระบวนการของคลื่นที่สาม

จุดสิ้นสุดของตลาด

สุดท้ายนี้ เมื่อความกระตือรือร้นในการซื้อที่ดูจางหายไป ตลาดได้กำหนดจุดสูงสุด และเข้าสู่ช่วงถัดไป