จากประสบการณ์ที่ได้เห็นจากเพื่อนๆ ที่เทรดฟอเร็กซ์ หลายคนเริ่มตระหนักว่าระบบการเทรดแบบเครื่องจักรอาจไม่เสมอไปที่จะพึ่งพาได้ แต่ก็ยังไม่ชัดเจนว่าเส้นทางต่อไปควรจะเป็นอย่างไร หลายคนยังไม่ได้เข้าใจถึงความสำคัญของการ 'ตัดขาดทุนและปล่อยให้กำไรวิ่ง' และการควบคุมความเสี่ยงซึ่งเป็นวิธีเดียวที่จะทำให้ได้กำไร การเทรดนั้นไม่ใช่แค่การหากำไรจากตลาด แต่ยังเป็นการเรียนรู้เกี่ยวกับตัวเราเองด้วย
การตัดขาดทุนและปล่อยให้กำไรวิ่ง
การเรียนรู้วิธีการตัดขาดทุนและปล่อยให้กำไรวิ่งเป็นสิ่งสำคัญในการเทรด หลายคนที่ยังไม่เข้าใจหลักการนี้มักจะพบว่าการทำกำไรในตลาดการเงินนั้นเป็นเรื่องยาก ความคิดนี้ต้องการให้ผู้เทรดมองว่ากำไรและขาดทุนเป็นสิ่งที่สามารถเกิดขึ้นได้และไม่ยึดติดกับผลลัพธ์ใด ๆ นอกจากนี้ การตั้งจุดตัดขาดทุนเพื่อจำกัดความเสี่ยงเป็นสิ่งสำคัญที่ต้องทำให้ได้เป็นนิสัย
ตัวอย่าง: หากการเทรดของคุณไปในทิศทางที่ไม่ดี ให้ตัดขาดทุนทันทีโดยไม่ลังเล ในทางกลับกัน หากมีกำไร ให้ปล่อยให้มันวิ่งไปจนกว่าจะถึงจุดที่เห็นว่าสมควรหยุด หากคุณตั้งจุดตัดขาดทุนไว้ที่ 100 จุด และราคาตกไปถึงจุดนั้น ให้ตัดขาดทุนโดยไม่มีข้อยกเว้น การปฏิบัติเช่นนี้จะช่วยป้องกันไม่ให้ขาดทุนมากเกินไป
การเทรดที่มีความเสี่ยงและการเรียนรู้จากความผิดพลาด
การเรียนรู้จากตลาดหุ้นช้าเกินไป ในขณะที่ฟอเร็กซ์และฟิวเจอร์สที่สามารถทำทั้งขาขึ้นและขาลงนั้นมีความเสี่ยงสูง แต่ก็เป็นเครื่องมือที่ดีสำหรับการเรียนรู้การเทรดที่มีความเข้มข้นสูง ซึ่งทำให้การเรียนรู้มีประสิทธิภาพมากกว่า ความเสี่ยงสูงที่มีอยู่ในฟอเร็กซ์ทำให้ผู้เทรดต้องเรียนรู้การควบคุมอารมณ์และวางแผนอย่างเป็นระบบ
ตัวอย่าง: การเข้าไปในตลาดที่มีความผันผวนสูงสามารถเป็นโอกาสในการเรียนรู้ได้ แต่ต้องมีการควบคุมความเสี่ยงที่ดีเพื่อไม่ให้ขาดทุนมากเกินไป เช่น การใช้ leverage ที่ต่ำเพื่อป้องกันไม่ให้ขาดทุนมากกว่าที่สามารถรับได้
การวิเคราะห์แบบสมมติฐานในการเทรด
การเทรดที่ดีต้องมาจากการสมมติฐานและการวิเคราะห์ ในบางสถานการณ์ เช่น 'เมื่อระดับหนึ่งของแนวโน้มเดินตามเส้นค่าเฉลี่ยอย่างสมบูรณ์แบบ' คุณอาจคาดเดาว่าแนวโน้มต่อไปอาจจะมีปัญหา นี่เป็นการใช้หลักการ 'สิ่งที่เกินไปอาจจะกลับตัว' ในการวิเคราะห์ การวิเคราะห์เช่นนี้ช่วยให้ผู้เทรดมีความพร้อมในการรับมือกับความเปลี่ยนแปลงของตลาด
ตัวอย่าง: หากเส้นค่าเฉลี่ยกำลังชี้ไปในทิศทางเดิมเป็นเวลานาน คุณอาจสมมติว่าตลาดอาจจะเกิดการเปลี่ยนแปลงและวางแผนการตอบสนองตามสมมติฐานนั้น เช่น หากตลาดกำลังขึ้นตามเส้นค่าเฉลี่ยเป็นเวลานาน คุณอาจเตรียมตัวสำหรับการเกิดแนวโน้มขาลงและวางแผนการป้องกัน
การใช้หลักการและแนวทางในการเทรด
การเทรดที่ดีจะต้องไม่เพียงแค่ใช้เครื่องมือหรือเทคนิคอย่างเดียว แต่ต้องมีความเข้าใจในหลักการหรือ 'ใจ' ของการเทรด เช่นเดียวกับการฝึกฝนศิลปะการต่อสู้ที่มีการใช้ดาบหรือดาบซึ่งเป็นเครื่องมือ แต่ผู้ฝึกต้องมีความเข้าใจในวิธีการใช้เครื่องมือเหล่านี้เพื่อให้มีประสิทธิภาพ ความเข้าใจในหลักการเทรดจะช่วยให้ผู้เทรดสามารถปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์ต่าง ๆ และเลือกใช้เทคนิคที่เหมาะสม
ตัวอย่าง: เมื่อเส้นค่าเฉลี่ยหรือดัชนีต่าง ๆ บ่งบอกสัญญาณการเทรด ผู้เทรดที่มี 'ใจ' ในการเทรดจะสามารถเลือกใช้เทคนิคหรือปรับตัวตามสถานการณ์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ เช่น การใช้เส้นค่าเฉลี่ยในการกำหนดจุดเข้าและออกในกรณีที่ตลาดอยู่ในแนวโน้ม
ข้อคิดจากประสบการณ์การล้มเหลว
การล้มเหลวเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นกับทุกคน และความล้มเหลวนั้นสามารถเป็นบทเรียนสำคัญได้ หลายคนที่เคยประสบปัญหาล้มเหลวในการเทรดเริ่มต้นด้วยการมีความมั่นใจเกินไปและไม่ควบคุมความเสี่ยง ซึ่งนำไปสู่การสูญเสียทั้งหมด การยอมรับความล้มเหลวและการเรียนรู้จากมันเป็นสิ่งสำคัญที่ทำให้เราก้าวไปข้างหน้า การล้มเหลวสามารถสอนเราเกี่ยวกับการตั้งจุดตัดขาดทุน การเลือกใช้ leverage อย่างเหมาะสม และการควบคุมอารมณ์
ตัวอย่าง: การที่คุณเคยขาดทุนเพราะไม่ตั้งจุดตัดขาดทุน สามารถทำให้คุณเรียนรู้และนำไปใช้ในครั้งถัดไปเพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์เดิมอีก นอกจากนี้ การรู้จักยอมรับความผิดพลาดและไม่ปล่อยให้ความผิดพลาดครั้งเดียวทำให้คุณท้อแท้ เป็นสิ่งสำคัญในการพัฒนาตนเอง
ความสำคัญของการมีวินัยในการเทรด
วินัยเป็นสิ่งที่จำเป็นในการเทรด การมีวินัยหมายถึงการยึดมั่นในแผนที่กำหนดไว้และไม่หลุดจากกฎเกณฑ์ที่วางไว้ การไม่มีวินัยในการเทรดสามารถนำไปสู่การขาดทุนอย่างรวดเร็ว ผู้เทรดที่ดีต้องมีวินัยในการตั้งจุดตัดขาดทุน การกำหนดเป้าหมายกำไร และการไม่ปล่อยให้อารมณ์เข้ามามีส่วนในการตัดสินใจ
ตัวอย่าง: หากคุณตั้งเป้าหมายว่าจะแบ่งกำไรออกเมื่อได้กำไร 10% แล้ว คุณควรปฏิบัติตามนั้นโดยไม่ปล่อยให้อารมณ์เข้ามามีส่วนในการตัดสินใจ หากไม่ทำตามเป้าหมายที่วางไว้ คุณอาจพบว่าคุณสูญเสียกำไรที่คุณได้รับไปจนหมด
ความคิดเห็นของผู้ใช้
ยังไม่มีความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น