1. ความหมายของสลิปเพจ

สลิปเพจหมายถึง ความแตกต่างระหว่างจุดที่คุณตั้งใจจะทำรายการและจุดที่ทำรายการได้จริง ซึ่งเกิดจากความผันผวนของตลาด เช่น หากคุณคาดหวังว่าคำสั่งซื้อขายยูโร/ดอลลาร์ จะเกิดที่ราคา 1.1400 แต่แท้จริงแล้วราคาเกิดขึ้นที่ 1.1397 ความแตกต่างของ 3 จุดนี้ก็คือสลิปเพจ

2. การทำงานของโบรกเกอร์และโหมดการดำเนินการคำสั่ง

2.1 โหมดการดำเนินการทันที (Instant Execution)

ในโหมดนี้ คำสั่งซื้อขายจะถูกดำเนินการที่ราคาที่คุณเห็น หากราคาตลาดไม่เปลี่ยนแปลง คุณจะได้รับการยืนยันราคาเดิม แต่หากราคาตลาดเปลี่ยนแปลง คุณอาจได้รับการเสนอมาตราราคาใหม่ (Requote) ซึ่งจะต้องยอมรับภายใน 5 วินาทีจึงจะสามารถดำเนินการคำสั่งได้

ตัวอย่าง: หากคุณต้องการซื้อยูโร/ดอลลาร์ที่ราคา 1.1400 แต่เมื่อคุณคลิกซื้อ ราคาตลาดได้เปลี่ยนไปที่ 1.1402 โบรกเกอร์อาจเสนอราคาที่เปลี่ยนแปลงให้คุณ (Requote) และคุณจะต้องตัดสินใจว่าจะยอมรับราคานี้หรือไม่ภายใน 5 วินาที

2.2 โหมดการดำเนินการตลาด (Market Execution)

ในโหมดนี้ คำสั่งซื้อขายจะถูกดำเนินการที่ราคาตลาดที่ดีที่สุดในขณะนั้น โดยไม่มีการส่ง Requote ในสถานการณ์ที่ตลาดขาดสภาพคล่อง ราคาที่เกิดขึ้นจะเป็น VWAP (Volume-Weighted Average Price) ทำให้มีโอกาสเกิดสลิปเพจได้

ตัวอย่าง: หากคุณทำการขายยูโร/ดอลลาร์ที่ราคา 1.1400 แต่เนื่องจากตลาดมีสภาพคล่องน้อย ราคาที่ทำรายการได้จริงอาจเป็น 1.1395 ทำให้คุณประสบกับสลิปเพจจำนวน 5 จุด

3. ช่วงเวลาที่สลิปเพจเกิดมากที่สุด

สลิปเพจมักเกิดในช่วงเวลาที่มีความเสี่ยงสูง เช่น การประกาศนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ หรือการประกาศข้อมูลการจ้างงานนอกภาคเกษตร (Non-Farm Payroll) ซึ่งตลาดมีความผันผวนสูง ทำให้ราคาที่คาดหวังยากต่อการได้ตามนั้น

ตัวอย่าง: ในช่วงการประกาศ Non-Farm Payroll ราคาของยูโร/ดอลลาร์อาจเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วจาก 1.1400 ไปยัง 1.1350 ภายในไม่กี่วินาที ทำให้คำสั่งซื้อขายที่คุณส่งอาจไม่ได้ราคาที่คาดหวัง

4. วิธีหลีกเลี่ยงหรือลดผลกระทบจากสลิปเพจ

การหลีกเลี่ยงสลิปเพจอาจเป็นเรื่องยาก แต่มีวิธีลดความเสี่ยง เช่น การใช้คำสั่ง Limit Order แทนการใช้คำสั่ง Stop Loss ซึ่งสามารถช่วยควบคุมราคาที่ทำรายการได้ นอกจากนี้ การหลีกเลี่ยงการซื้อขายในช่วงที่มีความผันผวนสูงจะช่วยลดความเสี่ยงจากสลิปเพจได้

ตัวอย่าง: หากคุณต้องการซื้อยูโร/ดอลลาร์ที่ราคา 1.1400 คุณสามารถใช้คำสั่ง Limit Order เพื่อให้คำสั่งถูกดำเนินการเฉพาะเมื่อราคาตรงตามที่คุณต้องการเท่านั้น ซึ่งจะช่วยหลีกเลี่ยงการเกิดสลิปเพจ

5. ตัวอย่างการเกิดสลิปเพจ

ตัวอย่างเช่น หากคุณทำการซื้อขายที่ราคาเสนอซื้อยูโร/ดอลลาร์ 1.1400 แต่ตลาดมีการเคลื่อนไหวเร็ว และราคาที่ทำรายการจริงเป็น 1.1397 คุณจะประสบกับสลิปเพจจำนวน 3 จุด ซึ่งหมายถึงความแตกต่างของราคาที่คุณตั้งใจและราคาที่เกิดขึ้นจริง

ตัวอย่างเพิ่มเติม: หากคุณตั้งใจจะขายที่ราคา 1.1200 แต่ราคาตลาดได้เปลี่ยนแปลงไปที่ 1.1180 ก่อนที่คำสั่งจะถูกดำเนินการ คุณจะประสบกับสลิปเพจ 20 จุด ซึ่งส่งผลต่อกำไรหรือขาดทุนของคุณ

6. การซื้อขายในสภาพตลาดที่ผันผวนต่ำ

การซื้อขายในช่วงเวลาที่ตลาดมีสภาพคล่องสูง เช่น เวลาที่ตลาดลอนดอนและนิวยอร์กเปิดทำการพร้อมกัน สามารถช่วยลดโอกาสในการเกิดสลิปเพจได้ เนื่องจากสภาพคล่องสูงทำให้ราคามีความเสถียร

ตัวอย่าง: หากคุณทำการซื้อขายยูโร/ดอลลาร์ในช่วงที่ตลาดลอนดอนและนิวยอร์กเปิดพร้อมกัน ราคามักจะมีความเสถียรมากกว่าช่วงที่ตลาดปิด เนื่องจากมีสภาพคล่องสูง ทำให้โอกาสในการเกิดสลิปเพจลดลง

7. การจัดการความเสี่ยงและความสำคัญของการใช้ Stop Loss

การใช้คำสั่ง Stop Loss เป็นสิ่งสำคัญในการจัดการความเสี่ยง แม้ว่าการทำรายการอาจมีราคาที่ไม่ดีในบางสถานการณ์ การไม่ใช้ Stop Loss อาจทำให้การสูญเสียบานปลายได้ จึงควรมีการควบคุมความเสี่ยงเสมอ

ตัวอย่าง: หากคุณซื้อยูโร/ดอลลาร์ที่ราคา 1.1300 และตั้ง Stop Loss ที่ 1.1250 เมื่อราคาลดลงไปที่ 1.1250 คำสั่งขายจะถูกดำเนินการอัตโนมัติเพื่อลดการขาดทุน แต่หากไม่มีการตั้ง Stop Loss คุณอาจประสบกับการขาดทุนที่มากขึ้นหากราคาลดลงไปต่อเนื่อง

8. สรุป

สลิปเพจเป็นส่วนหนึ่งของต้นทุนการซื้อขายที่ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ทั้งหมด แต่การควบคุมความเสี่ยงและการเข้าใจกลไกของการเกิดสลิปเพจจะช่วยให้คุณเป็นนักซื้อขายที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น

คำอธิบายเพิ่มเติมสามารถตรวจสอบได้จากราคา ทอง วัน นี้ ค่ะ: ราคาทองวันนี้สามารถตรวจสอบได้จากร้านค้าทองคำหรือสมาคมค้าทองคำ อัปเดตราคาแบบเรียลไทม์